การบำรุงผิวปากให้อวบอิ่ม

การบำรุงผิวปากให้อวบอิ่ม

การที่คุณจะมีริมฝีปากอวบอิ่มได้นั้น ต้องมีการบำรุงริมฝีปากให้มีสุขภาพดี เพื่อให้ริมฝีปากดูสวยงาม และป้องกันอาการอักเสบ หรือแตกเป็นขุย

วีธีการบำรุงฝีปากทำได้ดังนี้

>ทำความสะอาดริมฝีปากด้วยการทาขี้ผึ้งทิ้งไว้ และใช้แปรงนุ่มๆ ขัด เบาๆ เช็ดออกและทาลิปบาล์มซ้ำ

>เลือกลิปสติกที่มีส่วนผสมของลาโนลิน SPF และ AHA เพื่อบำรุงริมฝีปากและป้องกันแสงแดด ทำให้ริมฝีปากไม่หมองคล้ำดำง่าย

>อย่าปล่อยให้ริมฝีปากแตกแห้งเป็นขุย หรือเลียริมฝีปากเมื่อปากแตก เพราะยิ่งเลียปากก็ถูกทำลายมากเท่านั้น เมื่อเริ่มแห้งเป็นขุยต้องรีบหาลิปกลอสหรือขี้ผึ้งมาทาทันที เพื่อถนอมริมฝีปากให้อวบอิ่มไปนานๆ

วิธีการทำลิปกลอสจากน้ำมันละหุ่ง คือ นำน้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนชา ผสมกับลาโนลิน 8 ช้อนชา ตีให้เข้ากันดี เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดใช้เมื่อยามต้องการหรือทาก่อนนอน เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นอวบอิ่ม

Chapter 2

ผิวสวยเซ็กซี่ : Sexy Skin

บำรุงลำคอให้งามระหง

คงไม่ดีแน่ หากคุณมีใบหน้าเปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัย แต่ลำคอเหี่ยวย่นทำให้เสียบุคลิกภาพและความมั่นใจ หากจะดูแลทั้งที คุณก็ควรดูแลลำคอด้วยการบำรุงลำคอให้อ้อนวัยไปพร้อมกับใบหน้านั้นมีวิธีการดังต่อไปนี้

>ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นแล้วเช็ดบริเวณลำคอในตอนเช้า

>ทุกครั้งที่คุณทามอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดบนใบหน้า อย่าลืมทาบริเวณลำคอด้วย

>เวลาทาครีมบริเวณลำคอให้ทาย้อนขึ้น เพื่อลดความเหี่ยวย่นของลำคอ

>ปกป้องแสงแดดให้แก่ลำคอด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15

>บำรุงลำคอด้วยสูตรต่อไปนี้ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา ไข่แดง 2 ฟอง ผสมส่วนผสมทั้งหมด ตีให้เข้ากัน แช่ไว้ในตู้เย็น 1 วัน จากนั้นใช้ส่วนผสมนวดเบาๆ บริเวณลำคอ ทาทิ้งไว้ 20 นาที และใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นเช็ดออกจนสะอาด

แต่งหน้าใน 5 นาทีให้ดูอ่อนกว่าวัย

เคล็ดลับการแต่งหน้าให้ดูอ่อนกว่าอายุจริง เพื่อลดวัยและร่นเวลาการแต่งหน้า ทำให้คุณสวยและดูเด็กได้ในยามเร่งด่วนด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

Step 1 : ทามอยส์เจอไรเซอร์ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ

Step 2 : แต้มคอนซีเลอร์ใต้ตามและตบเบาๆ ให้ทั่ว เพื่อลบริ้วรอยใต้ตา

Step 3 : ใช้ฟองน้ำซับแป้งรองพื้นแต้มบริเวณหน้าผาก จมูก แก้ม และคาง เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า ปัดแก้มเบาๆ ด้วยบลัชออนสีชมพูอ่อนๆ อย่าทาหนาเกินไปเพราะจะทำให้เห็นริ้วรอยได้ง่าย

Step 4 : ทาอายแชโดว์สีเอิร์ตโทนหรือสีน้ำตาล โดยทาจากหัวตาไปหางตา ใช้คัตตันบัดแต้มอายแชโดว์สีโทนกลางทาใต้ขนตาและไล่สีอ่อนๆ ไปจนถึงหางตา จะช่วยให้ตาดูโตขึ้น

Step 5 : ปัดมาสคาราบางๆ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ขนตาหนาจนเกินไป

Step 6 : ใช้แปรงปัดหน้าเกลี่ยเบาๆ ทั่วหน้า และหันมาเขียนขอบปากและใช้แป้งฝุ่นตบเบาๆ ที่ริมฝีปาก ทาลิปสติกหรือลิปกลอสที่อุดมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อปากอวบอิ่ม อาจจะเลือกใช้ลิปสติกสีชมพู หรือสีแดงกุหลาบ จะช่วยให้ดูสดใสขึ้น

สุดยอดอาหารคงความอ่อนเยาว์

ผู้หญิงทุกคนล้วนอยากเป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์และได้การขนามนามว่า สาวสองพันปี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องริ้วรอยแห่งกาลเวลาเป็นเจ้าของผิวพรรณอ่อนเยาว์ด้วยสุดยอดอาหาร 9 ชนิด ต่อไปนี้

กระเทียม : ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และลดระดับคอเสลเตอรอล

แครอต : มีสารเบต้าแคโรทีนช่วยป้องกันการสันดาปของารอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง

ฝรั่ง : มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ผิวพรรณสุขภาพดีขึ้น

อะโวคาโด : มีวิตามินอีช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวพรรณ

มะเขีอเทศ : ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเพราะประกอบด้วยวิตามินเอ ซี และโพแทสเซียม ที่เป็นประโยชน์ต่อผิว

มันเทศ : อุดมด้วยวิตามินเอ ซี ช่วยป้องกันริ้วรอย ทำให้ผิวเนียนเรียบ

ปลาซาร์ดีน : ปลาแซลมอน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 – 6 ช่วยให้ผิวพรรณเนียนเรียบ

โยเกิร์ต นม : มีแคลเซียมสูง ช่วยรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง

เครื่องในสัตว์ : ประกอบด้วยวิตามินบี และซีลีเนียม ช่วยรักษาสุขภาพของผิวพรรณ เส้นผม และสายตาให้มีประสิทธิภาพ และรักษาความอ่อนเยาว์

แอปเปิลไซเดอร์ : ช่วยเผาผลาญพลังงาน เผาผลาญไขมัน ทำให้รูปร่างเพรียว สวยงาม ทำให้ผิวพรรณดี

เมล็ดธัญพืช อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง : มีอะมิกดาลิน (Amygdalin) ช่วยชะลอความแก่ชรา ป้องกันโรคอัลไซเมอร์

5 Tip ต่อสู้กับริ้วรอยแห่งวัย

คุณผู้หญิงหลายคนต้องขวนขวายหาวิธีต่อสู้กับริ้วรอยแห่งกาลเวลาและดูเหมือนว่ายิ่งคุณพยายามเท่าไร ริ้วรอยก็ยิ่งมีมากขึ้น เทคนิคที่สามารถหยุดกาลเวลา และดูอ่อนวันกว่าอายุจริงนั้นทำได้ไม่ยากและได้ผลจริงซึ่งคุณสามารถทำได้ดังต่อไปนี้

Tip 1 : ปกป้องผิวจากแสงแดด

แสงแดดเป็นตัวการทำให้ผิวแห้งเหี่ยวและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง

Tip 2 : ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก

ใช้ครีมคลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวและใช้สำลีเช็ดออก ช่วยขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยผลัดผิวใหม่ ทำให้ใบหน้าอ่อนวัย

Tip 3 : เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิว

Tip 4 : กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่

ใช้สครับที่อ่อนโยนต่อผิวขัดหน้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ใบหน้าเปล่งปลั่งและผลัดเซลล์ผิวใหม่

Tip 5 : ฟื้นฟูสภาพผิว

นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ และงดสูบบุหรี่ เพื่อให้เซลล์ผิวรับออกซิเจนอย่างเต็มที่

วิธีจัดการสิวแบบเร่งด่วน

สิวเม็ดสองเม็ดที่ผุดขึ้นยามฉุกเฉิน กรณีที่คุณจำเป็นต้องใช้ใบหน้า เช่น งานแต่งงาน หรือนัดสัมภาษณ์งาน ลองใช้ 5 วิธีกำจัดสิวแบบเร่งด่วนรับรองว่าพรุ่งนี้เมื่อคุณตื่นเช้ามา สิวนั้นจะหลุดหายไป หรือลดขนาดลงจนคุณไม่ทันสังเกต

Tip 1 :

สิวตุ่มแดง ให้ใช้โลชั้นคาลาไมน์ทาก่อนนอน โดยไม่ต้องล้างออก

Tip 2 :

ทาน้ำผึ้งบริเวณเม็ดสิว ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดแบคทีเรีย

Tip 3 :

ใช้น้ำกระเทียมทาบริเวณที่เป็นสิว โดยไม่ต้องล้างน้ำออก

Tip 4 :

ผสมน้ำมันทีทรีกับยีสต์ทาก่อนนอน ทิ้งครีมไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า

Tip 5 :

ใช้ยาสีฟันทาบริเวณสิว ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างยาสีฟันออกในตอนเช้า

กำจัดสิ้วเสี้ยน เสี้ยนหนามใบหน้า

สิ้วเสี้ยน เสี้ยนหนามความสวยบนใบหน้านั้น เป็นปัญหากวนใจที่ทำให้คุณต้องบีบจมูกหรือแก้มจนแดงช้ำ เพียงเพื่อต้องการกำจัดมันออกไป คุณไม่ต้องบีบจมูกและแก้มให้เจ็บอีกต่อไปแล้ว เพียงทำตามวิธีดังต่อไปนี้

สูตรไข่ไก่

ไข่ไก่ 1 ฟอง ใช้เฉพาะไข่ขาว พอกหน้าบริเวณที่มีสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หรือจนกว่าไข่ขาวจะแห้ง ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำอุ่นเช็ดออกอย่างเบามือ สิ้วเสี้ยนจะหลุดติดออกมาพร้อมกับไข่ขาว ควรทำอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง หรือจะใชไข่ต้มที่แกะเปลือกแล้ว นำมาถูบริ เวณจมูกและแก้มที่มีสิวเสี่ยน ก็สามารถช่วยขจัดสิวเสี้ยนได้เช่นกัน

สูตรใบสะระแหน่

ใบสะระแหน่ประมาณ 20 ใบ ต้มในน้ำเดือด พอเดือดอีกรอบให้ปิดไฟ ยกหม้อลง หยดทีทรีออยล์ลงไป 2 หยด เทน้ำใบสะระแหน่ลงในอ่างใบเล็ก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดคลุมศีรษะ ก้มลงไปที่อ่างโดยให้ใบหน้าห่างจากอ่างพอประมาณเพื่อให้ไอน้ำสัมผัสผิวหน้าอย่างทั่วถึง อบใบหน้าประมาณ 10 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเบาๆ โดยเฉพาะบริเวณที่มีสิวเสี้ยน ทำเช่นนี้อาทิตย์ละครั้ง สิวเสี้ยนจะหลุดหายไปเอง

สูตรบำรุงผิวหน้าเพื่อความอ่อนเยาว์

สูตรการบำรุงผิวหน้าตามสภาพผิวจากพืชผักผลไม้ เป็นการช่วยซ่อมแซมและบำรุงผิวให้กลับมาสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และดูอ่อนวัยเป็นธรรมชาติ

สูตรบำรุงสำหรับผิวมัน

มะเขือเทศ

มะเขือเทศ 1 ผล ปอกเปลือกออก นำมาใส่เครื่องปั่น ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ปั่นจนเนื้อละเอียด เทใส่ภาชนะ ใช้สำลีซับน้ำมะเขือเทศทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

สับปะรด

สับปะรด 2 ชิ้น ปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ให้เป็นเนื้อเดียวกันพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยลดไขมันส่วนเกินและป้องกันการเกิดสิว

สูตรบำรุงสำหรับผิวแห้งและผิวบอบบาง

โยเกิร์ต

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับผลอะโวคาโดที่บดละเอียด ½ ผล นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นหากหาซื้อผลอะโวคาไม่ได้ ให้ใช้น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชาผสมแทน

น้ำนม

ใช้นมผง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย ล้างหน้าทุกเช้า เพื่อให้ใบหน้าเนียนนุ่มสดใส เปล่งปลั่ง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีทีทำให้อาการระคายเคือง

สูตรบำรุงสำหรับผิวผสม

กล้วย

กล้วยบด 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันดี นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตแบบเกล็ด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งสองส่วนให้เข้ากัน ใช้ขัดหน้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ใบหน้าจะค่อยๆ ปรับสภาพให้ดีขึ้น

ทำความสะอาดผิวหน้าตามสภาพผิว

เพราะผู้หญิงเรามีสภาพผิวพรรณแตกต่างกัน การดูแลจึงต้องแตกต่างกันด้วย การทำความสะอาดผิวพรรณตามสภาพผิว เป็นการช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าและแก้ปัญหาผิวพรรณต่างๆ

สภาพผิวแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

1. ผิวมัน

ผิวมันมักจะประสบปัญหาเรื่องสิวอักเสบ สิวเสี้ยน การดูแลผิวควารใช้น้ำนมล้างหน้า ใช้โทนเนอร์ที่มีค่า pH เป็นกลางเช็ดหน้าอีกครั้ง ทายาแต้มสิวหากมีสิว และตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ชนิด Oil – free เพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น

2. ผิวแห้ง

ผิวบนใบหน้าส่วนใหญ่แห้ง ทำให้เกิดริ้วรอยง่าย การดูแลผิวหน้าจึงควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้า หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ล้างหน้า และทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้งเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ใบหน้าและลดริ้วรอยก่อนวัย

3. ผิวผสม

เป็นผิวที่มีความมันในบริเวณ T โซน คือบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ส่วนผิวบริเวณอื่นๆ จะแห้ง ควรให้น้ำนมชำระผิวหน้า และใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของมะนาวเช็ดบริเวณทีโซนเท่านั้น และทามอยส์ไรเซอร์ในบริเวณผิวแห้ง

4. ผิวบอบบาง

เป็นผิวที่มีการระคายเคืองต่อสารเคมีจากผลิตภัณฑ์และสิ่งแวดล้อมได้ง่าย วิธีการบำรุงผิวหน้า ควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้า และทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว เพื่อให้ใบหน้ามีความชุ่มชื้น เนื่องจากผิวแห้งทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่คุณต้องรู้

ก่อนที่คุณจะบำรุงผิวหน้าให้ดูสดใน อ่อนกว่าวัย คุณควรจะทำความเข้าใจสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าแต่ละชนิดให้ดีเสียก่อน

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยคุณดูแลผิวหน้าประกอบด้วย

1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

ส่วนใหญ่จะเป็นของเหลวที่ทำปฏิกิริยากับน้ำทำให้เกิดฟอง เหมาะสำหรับการกำจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง

2. สบู่

มีส่วนผสมของแกลือแร่ธรรมชาติและไขมันจากพืชหรือสัตว์ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย สิ่งสกปรก

ไขมัน และคราบเครื่องสำอาง เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวมันและผิวธรรมดา

3. ครีมทำความสะอาดผิวหน้า

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง

4. โทนเนอร์

ส่วนใหญ่ประกอบด้วยแอลกอฮอล์เพื่อขจัดไขมันบนใบหน้า สำหรับผู้ที่มีผิวมันมากควรเลือกที่เขียนข้างผลิตภัณฑ์ว่า Astringent เพราะมีส่วนผสนมของแอลกอฮอล์ ส่วนผู้ที่มีผิวธรรมดาและผิวผสมควรเลือก Tonic หรือ Toner ซึ่งละเอียดอ่อนกว่า Astringent ส่วนผิวแห้งและผิวบอบบางควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดดังกล่าว

5. มอยส์เจอไรเซอร์

เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อทุกสภาพผิว เนื่องจากช่วยรักษาความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดริ้วรอย

แห่งวัย ผู้ที่มีผิวมันควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิด Oil - free สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งควรใช้ มอยส์เจอไรเซอร์

6. ครีมมาสก์หน้า

ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ควรมาสก์หน้าอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อเดือน

7. สครับ

เป็นครีมหรือเจลขัดหน้าที่ประกอบด้วยเม็ดบีต ใช้เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป

ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา การขัดหน้า ควรทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

8. อายครีม

มีทั้งแบบครีมและเจล เพื่อช่วยลดริ้วรอยใต้ตา แก้ปัญหาตาคล้ำและลดอาการตาบวม

9. ไนท์ครีม

อุดมด้วยวิตามินและสารต่อต้านริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู้วัยกลางคนหรือผู้ที่มาผิว

แห้ง ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น และเนียนนุ่มในยามตื่นนอนตอนเช้า