topbella

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แต่งตัวให้สวยในวันหยุด

ในช่วงวันหยุดเป็นเวลาที่คุณพักผ่อน คุณเองคงอยากจะใส่เสื้อผ้าสบายๆ แต่จะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ อย่างไรให้ดูดี มาหาคำตอบกัน

พักผ่อนสบายริมทะเล ลองเลือกกระโปรงผ้าบาติกกับเสื้อกล้ามสีสดๆ สวมรองเท้าแตะสบายๆ แค่นี้ก็ยังทำให้คุณดูดีแล้ว แต่อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกกลางแจ้งทุกครั้ง

หากคุณไม่ชอบใส่กระโปรง ลองเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นสีขาว จะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย

อยู่กับบ้าน ลองเลือกสวมเสื้อยืดที่คุณโปรดคู่กับกางเกงยีนส์ หรือจะเป็นกางเกงขาสั้น โดยการสวมเสื้อทับเข้ากางเกง ทำให้ดูผ่อนคลายและดูดีในคราวเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานพิธีการ

หากคุณเป็นมีความจำเป็นต้องเข้าร่วมงานพิธีการที่จัดในช่วงกลางวันหรือกลางคืน เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและความสง่า ทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานต่างต้องทึ่งในตัวคุณ คุณสามารถเลือกสไตล์การแต่งตัวที่เรียกความสนใจและดูเด่นดังนี้

เลือกชุดที่คุณมีความมั่นใจ อย่าเลือกชุดที่ทำให้คุณรู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา

งานกลางวัน เสื้อเชิ้ต สูท และกางเกงหรือกระโปรงสีดำ เป็นเครื่องแต่งกายที่คลาสสิกที่สุด อย่าลืมใส่เครื่องประดับเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความโดดเด่นโดยเลือกครื่องประดับที่เข้าชุด เข้าสีกัน

สำหรับงานกลางคืน คุณสามารถเลือกชุดเดรสสีดำ ดาดด้วยริบบิ้นสีแดง หรือเสื้อชีฟอง กระโปรงหรือกางเกงผ้าสีดำ เสริมด้วยเข็มขัดสีเขียวหรือสีม่วงอมแดง และเลือกกระเป๋า รองเท้าให้เป็นสีโทนเดียวกัน

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเข้าพบผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ

การเข้าพบผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ทั้งที่เกี่ยวข้องหน้าที่การงานหรือเรื่องส่วนตัวนั้น คุณผู้หญิงอาจมีความกังวงว่าจะแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ วิธีง่ายๆ ในการแต่งตัวให้น่าเอ็นดูและน่าประทับใจ คือ

เสือกสวมเสื้อผ้าที่ทำให้คุณรู้สึกสบายและไม่อึดอัดกับเสื้อผ้าที่ใส่กางเกงผ้าสีดำ จะทำให้คุณดูสดใสและดูมีความเป็นผู้ใหญ่

ชุดเดรสมีแขน ชุดกระโปรงสามส่วน หรือกระโปรงยาวระดับเข่าสีอ่อนสวมกับเสื้อออกแนวผู้หญิง เสื้อแขนตุ๊กตา เสื้อแขนจัมป์ ช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้หญิงมากขึ้น

รองเท้าและกระเป๋า ให้เลือกสีโทนอ่อนแมตซ์กัน เพือเพิ่มความสดใสให้กับคุณ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นัดเดท

สาวๆ ที่ตกลงปลงใจนัดเดทกับหนุ่มแล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะแต่งตัวแบบไหนให้ประทับใจหนุ่มที่เดทด้วยแล้วละก็ คุณควรจะดูจากไกด์ไลน์ดังนี้

1. เลือกสไตล์เสื้อผ้าที่ทำให้คุณรู้สึกสบาย จะเป็นกางเกงหรือกระโปรงก็ได้ แต่อย่างสวมใส่เสื้อผ้าที่คุณต้องดึงนั้น ถลกนี่ สีเสื้อผ้าควรเป็นสีสดใส เช่น สีชมพู สีฟ้า สีเขียว จะเพิ่มความสดใสให้กับคุณ

2. ทรงผมควรจัดแต่งให้เรียบร้อย อาจเลือกติดกิ๊บที่ดูดีมีสไตล์หรือรัดผม เครื่องประดับที่ให้สวมใส่แต่น้อย กระเป๋าและรองเท้าควรเป็นสีใกล้เคียงกัน

3. สำรวจร่างกายอีกครั้งก่อนจะออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นปาก เสื้อผ้า ทรงผม รองเท้า กระเป๋า สุดท้ายอย่าลืมพกความมั่นใจติดตัวไปด้วย

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สัมภาษณ์งาน

การแต่งตัวให้ผู้สัมภาษณ์งานประทับใจในตัวคุณนั้น ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเขาและเธอเป็นคนตัดสินใจว่าคุณนั้นจะได้งานหรือไม่ แล้วจะแต่งตัวอย่างไรให้คนเหล่านั้นนี้ประทับใจคุณ มาดูกัน

เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสีดำระดับเข่า หรือกางเกงผ้าสีดำ เป็นสีคลาสสิกที่ทำให้คุณสามารถเหมือนเป็นมืออาชีพ

ควรสวมรองเท้าคัชชูแทนการสวมรองเท้าส้นสูงเปลือยเท้า

หากประเภทงานเป็นแบบเอนเตอร์เทน คุณอาจจะเลือกเสื้อที่มีสีสันแต่ควรยืนพื้นด้วยกระโปรงหรือกางเกงสีดำ

เลือกแต่งหน้าแบบอ่อนๆ ไม่ให้ดูเข้มจัดจนเกินไป ส่วนทรงผมควรรวบให้เรียบร้อย หากคุณมีผมสั้นให้ใช้เจลตกแต่งทรงผมให้ดี

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานเลี้ยงกลางคืน

งานเลี่ยงสังสรรค์ที่จัดในช่วงกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิด งานค็อกเทล การแต่งตัวก็ย่อมมีความแตกต่างจากงานกลางวัน วิธีการแต่งตัวให้เก๋ดูมีเสนห์ คุณสามารถแต่งกายด้วยวิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้

ชุดเดรสแบบเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน อาจเลือกสีฟ้า สีชมพูหรือสีคลาสสิกอย่างสีดำ จะทำให้คุณเป็นสาวมั่นมากมั่น

เลือกเสื้อซีฟองสีเบจกับกางเกงสีขาว หรือกระโปรงสีดำระดับเข่าสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม รองเท้าส้นสูง

ชุดแซ็กที่มีสีสัน ความยาวประมาณเข่า เสื้อคลุมสีดำ พร้อมกับกระเป๋าสะพายสีดำ

เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์เข้ารูป แจ๊กเก็ตเข้ารูป สีน้ำตาลอ่อน รองเท้าหนังสีดำ ทำให้ดูเป็นสาวเท่ห์

อย่าลืมคำนึงถึงความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้านั้น หากคุณรู้สึกอึดอัดกับเสื้อผ้าที่ใส่ อาจทำให้เสื้อผ้าเหล่านั้นดูไม่เหมาะสมสำหรับคุณ และทำให้คุณขาดความมั่นใจ

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานสังสรรค์กลางวัน

งานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช หรืองานสังสรรค์ที่จัดในช่วงกลางวัน ในบรรยากาศเป็นแบบกันเอง ไม่เป็นพิธีการมากนัก คุณสามารถแต่งกายให้เหมาะสมกับงานได้โดย

ควรเลือกดูงาน หากเป็นงานที่เกี่ยวกับศาสนา ไม่ควรเลือกเสื้อผ้าที่เปิดเนื้อหนังมังสา

สวมเสื้อผ้าแบบน่ารักๆ สักตัว สวมคู่กับกระโปรงสีดำ กางเกงผ้าสีดำ ทำให้ดูน่ารักเรียบร้อย

เสื้อผ้าฝ้ายเดนิมสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีขาวหรือสีดำ คาดเข็มขัดและรองเท้าสีดำ

เสื้อผ้าหรือเสื้อโปโลสวมทับในกางเกงผ้าสีดำ คาดเข็มขัดสีดำ

สวยตามโอกาสพิเศษ

ในกรณีที่คุณรับเชิญเป็นแขกในงานเลี้ยงฉลองวันแต่งงาน คุณควรสวมเสื้อผ้าที่แสดงให้เห็นว่าคุณให้เกียรติเจ้าของงานด้วยการ

เลือกสวมเสื้อผ้าที่ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ และหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อสีดำ

ชุดเช็กซี่ สีอ่อน เช่น สีม่วงอ่อน สีชมพู สีแดงอมม่วง สวมกับรองเท้าส้นสูงเปลือยเท้า

ชุดเดรสสีแดง รองเท้าสีดำหรือสีแดง กระเป๋าถือใบเล็กสีดำ ทำให้คุณมีเสนห์

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นอนหลับพักผ่อนเพื่อผิวสวยและสุขภาพดี

การนอนหลับพักผ่อนเป็นวิธีการบำรุงผิวพรรณให้เนียนเรียบและเปล่งปลั่ง อีก

ทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ในระหว่างการนอนหลับจะเป็นช่วงที่ผิวมีการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ร่างกายทำงานน้อยลง ทำให้ร่างกายสดชื่นและมีพลังสำหรับต้อนรับวันใหม่ เคล็ดลับการนอนหลับให้ผิวสวยและสุขภาพดี คือ

ห้องนอนควรมีอุณหภูมิพอเหมาะ และมีความสุขสบาย สงบ

เลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ทำจากผ้าซาติน เพื่อลดการทำให้ผิวเกิดริ้วรอย

ปลดปล่อยความเครียด อย่ากังวลเรื่องงานหรือเรื่องที่ทำให้นอนไม่หลับ

ไม่ควรออกกำลังกายก่อนเข้านอน ควรเว้นระยะอย่างน้อย 5 ชั่วโมง

ไม่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้านอน ควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 - 5 ชั่วโมง

หากคุณนอนไม่หลับก็อย่าพยายามบังคับตนเอง เมื่อคุณนอนไม่หลับ อาจจะหกิจกรรมอื่นทำ เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวี เมื่อรู้สึกง่วงจีงค่อยๆ เข้านอน

ดื่มน้ำอุ่นๆ หรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น

หากมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ หรือเป็นโรคนอนไม่หลับควรปรึกษาแพทย

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผ่อนคลายความเครียด

ความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มนุษย์เราเจ็บป่วย ซึ่งมีความร้ายแรงกว่าการสูบบุหรี่หรือการรับประทานอหารที่ไม่มีประโยชน์เสียอีก แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ผู้ป่วยและผู้ที่ไม่ป่วยดูแลสุขภาพจิตใจให้ปลอดจากความเครียด เพื่อให้ร่างกายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพที่แข็งแรง วิธีผ่อนคลายความเครียดทำง่ายๆ ดังนี้

1. หาเวลาให้กับตัวเอง ด้วยการไปพักผ่อนตากอากาศ ท่องเที่ยวในที่ที่คุณอยากไปหรือฟังดนตรีที่คุณโปรดปราน

2. เต้นรำกับตนเอง หรือถ้าคุณมีคู่ก็ชวนกันมาเต้นให้หายเครียดไปเลย

3. เขียนสิ่งที่คุณอยากทำ 5 อย่าง และวางแผนทำสิงนั้นอย่างน้อย อาทิตย์ละ 1 อย่าง

4. ดูภาพยนตร์หรือวิดีโอ จะทำให้คุณเพลิดเพลินและผ่อนคลาย โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่สร้างเสียงหัวเราะ

5. สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชิต ดวยการเดินชมสวนสาธารณะ หรือเที่ยวป่าเขา

6. หาที่ปรึกษาเมื่อยามคุณมีปัญหาหรือเครียด การได้ระบายความในใจกับใครสักคนที่คุณไว้วางใจจะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

7. รับปะทรานอาหารวิตามินบีรวม เพราะวิตามินบีรวมจะช่วยควบคุมประสาทส่วนกลาง ทำให้จิตใจสงบขึ้น และทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

8. ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม อย่างน้อยคุณก็จะเห็นว่ายังมีคนอื่นๆ อีกมากที่ด้อยและขาดโอกาสมากกว่าคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณโชคดีกว่าคนอื่นอีกหลายคนในโลกใบนี้

9. ออกกำลังกาย การลอยน้ำในสระเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารความสุข ซึ่งจะทำให้จิตใจของคุณผ่อนคลายขึ้น

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กฏการเปลี่ยนชีวิตให้มีความสุข

ความสุขเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝัน ใครๆก็ล้วนต้องการมีชีวิตที่มีความสุข และความสุขเองก็หาได้ไม่ยาก หากคุณต้องการลองใช้ 5 กฏเปลี่ยนชีวิตให้มีความสุขต่อไปนี้

กฏข้อที่ 1 : คิดถึงความสุข มองโลกในแง่ดี

คิดให้ตนเองมีความสุขที่สุด ยามเช้าที่คุณตื่นนอนนทุกๆ วัน พูดกับตัวเองว่า วันนี้คุณจะทำชีวิตให้ตนเองมีความสุขที่สุด

กฏข้อที่ 2 : ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

บางคนจมปลักอยู่กับอดีต บางคนก็นึกถึงอนาคตมากเกินไป ลองหันมาใช้ชีวิตอยู่กับปันจุบัน ยอมรับความจริง และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพียงเท่านี้ชีวิตของคุณก็จะมีความสุขได้ไม่ยาก

กฏข้อที่ 3 : เขช้าใจอารมณ์

การเก็บอารมณ์ บางครั้งจะทำให้คุณรู้สึกเก็บกด หากคุณมีความสุขก็จงยิ้มหัวเราะ หากคุณเศร้าก็ควรรระบาย เพื่อให้คุณผ่อนคลายขึ้น หรือแม้แต่เข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำให้คุณมองเห็นอีกแง่มุมของชีวิต

กฏข้อที่ 4 : เชื่อใจในความารู้สึกของตนเอง

การที่คุณเชื่อมั่นใจในความรู้สึกของตนเองจะทำให้คุณมีความมั่นใจเคารพในการตัดสินใจของตนเองไม่ว่าจะผิดหรือถูก อย่างน้อยคุณก็เชื่อใจตนเองและสิ่งที่จะช่วยคุณให้คุณเติบโตและแข็งแกร่งที่จะเผชิญต่อสู้กับโลกใบนี้

กฏข้อที่ 5 : เปลี่ยนตนเองเพื่อตนเอง มิใช่เพื่อคนอื่น

การเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อตนเองทำให้คุณรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากจะเป็นอะไร ต้องการใช้ชีวิตแบบไหน และควรดำเนินชีวิตในอนาคตอย่างไร คุณเป็นคนกำหนดเอง อย่าใช้ข้ออ้างที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อคนอื่นเพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ใช่ใครอื่น

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเผาผลาญแคลอรีตามประเภทกีฬา

การออกกำลงกายแต่ละประเภทนั้นเผาผลาญแคลอรี่แตกต่างกัน กีฬาบางประเภทใช้เวลาน้อยแต่การเผาผลาญมากกว่ากีฬาที่ใช้เวลานาน หากคุณอยากทราบว่า กีฬาที่คุณเล่นอยู่เผาผลาญแคลอรีได้มากน้อยอย่างไร ดูดังนี้

วอลเหย์บอล

ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อกระดูกแขนและร่างกาย การเล่นวอลเลห์บอล 1 ชั่วโมงเผาผลาญไขมัน 200 – 600 แคลอรี่

ว่ายน้ำ

เพิ่มความแข็งแรงให้แก่แขนขาและช่วยให้ปอดแข็งแรง ว่ายน้ำ 1 ชั่วมงเผาผลาญไขมันได้ประมาณ 500 – 800 แคลลอรี่

เทนนิส

เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมาก เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยเผาผลาญไขขัน 300 - 400 แคลอรี่ต่อ 1 ชั่วโมง

จ๊อกกิ้ง

สาวๆ หลายคนนิยมออกกกำลังกายแบบนี้เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์และสามาถเผาผลาญไขมัน 200 - 350 แคลอรีต่อ 1 ชั่วโมง

แบดมินตัน

กีฬาที่ออกกำลังกายแขนและเคลื่อนไหวแขนมาก ช่วยเผาผลาญไขมัน 200 - 800 แคลอรี หากเล่นนาน 30 - 40 นาที

โยคะ

เป็นการออกกำลังกายที่ติดกระแส เนื่องจากใช้ท่าทางที่นิ่มนวล แต่ทำให้เหงื่อออกได้มาก การเล่นโยคะ 1 ชั่วโมง เผาผลาญไขมัน 200 แคลลอรี่

ขี่จักรยาน

ช่วยทำให้กล้ามเนื้อน่องและขาแข็งแรง การขี่จักรยานทางเรียบ 1 ชั่วโมง ช่วยเผาผลาญไขมันได้ถึง 250 - 500 แคลอรี

โบว์ลิ่ง

กีฬาที่สร้างความสนุกสนาน อีกทั้งทำให้กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรงนั้น เผ่าผลาญไขมนได้มากกว่า 350 แคลลอรี่ ต่อ 1 ชั่วโมง

เต้นรำ

จัดว่าเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่น้อย ด้วยท่วงท่าที่ดูสวยงาม แถมในระยะ 1 ชั่วโมงนั้นสามารถเผาผลาญไขมันได้ 350 แคลอรี่

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพิ่มความฟิตให้ร่างกาย

การที่จะเป็นผู้หญิงสวยสุขถาพดีนั้น ไม่เพียงแต่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงย่างเดียวเท่านั้น การออกกำลังกายก็เป็นเรื่องสำคัญ การเพิ่มความฟิตให้ร่างกายสามารถทำได้ดังนี้

ออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งต่อสัปดาห์

การออกกำลังกายแต่ละครั้งควรใช้เวลา 30 นาที เพื่อเพิ่มความฟิตให้แก่ร่างกายและบริหารอัตราการเต้นของหัวใจ

วอร์มร่างกายก่อนการออกกำลังกาย ช่วยเตรียมพร้อมให้กับกล้ามเนื้อ ลดดการอาการปวดกล้ามเนื้อและการฉีกขาด

เลือกการออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อสลับการการเล่นกีฬา โดยออกกำลังกายได้ครบทุกส่วนของร่างกาย

หากคุณเป็นคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ลองทำกิจวัตรประจำวันที่ใช้พลังงานมากขึ้น เช่น ใช้บันไดหนีไฟแทนลิฟต์ จอดรถไกลกว่าปกติ เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ออกกำลังกายแบบดาราดัง

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงอยากรู้เคล็ดลับการออกกำลังกายของดาราฮอลลีวูดว่า พวกเธออกกำลังกายด้วยวิธีไหน ถึงได้มีรูปร่างและสุขภาพดี พวกเธอมีเคล็บลับอะไรมาดูกัน

ไทร่า แบงค์

นางแบบดังก้องโลก เธอเลือกการจ๊อกกิ้ง 5 – 10 กิโลเมตรทุกวัน ไทร่ายังบอกอีกว่า ยิ่งกินมากเท่าไรก็ต้องยิ่งออกกำลังกายมากขึ้นเท่านั้นเ

เม็ก ไรน์อัน

ดาราสาวมากด้วยความสามารถ ใช้วิธีการออกกำลังกายด้วยการเดินสลับกับการวิ่งจ๊อกกิ้งอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รูปร่างของเธอถึงได้มีส่วนโค้งเว้าสวยงาม

จูเลีย โรเบิร์ต

ดาราสาวเจ้าบทบาท เลือกการเปิดวิดีโอเต้นแอโรบิกที่บ้านวันละ 30 นาทีทุกวัน สลับกับการจ้างเทรนเนอร์มาสอนที่บ้าน เธอบอกว่าวิธีนี้ช่วยควบคุมให้เธอออกกกำลังกายบ่อยครั้ง

เมลานีย์ กริฟฟิธ

ดารารุ่นเก่าและคุณแม่ลูกสองรักษาหุ่นให้มีรูปร่างดีด้วยการเล่นเพลาทิสทุกวัน วันละ 20 นาที วิธีการออกกำลังกายแบบนี้ทำให้เธอมีรูปร่างดี จนเอ่ยปากว่าขอออกกำลังกายแบบนี้ตลอดชีวิต

โอปราห์ วินฟรีย์

เจ้าแม่แห่งรายการทอล์กโชว์เลือการออกกำลังกายด้วยการเดินจ๊อกกิ้งกับสุขนัขตัวโปรด วันละ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง นอกจากนี้เธอยังชอบการเดินมาราธอนกับเทรนเนอร์รู้ใจอย่างบ๊อบอีกด้วย

เฟอร์กี้

นักร้องสาวแห่งวงแบล็กอายพี เลือกการออกกำลังกายด้วยการเต้น เธอว่าได้เหงื่อแถมทำให้เธอฟิตพร้อมที่จะออกคอนเสิร์ตได้ทุกเมื่อ

เจอรี่ ฮาลิเวล

นักร้องสาวอดีตสมาชิกวงสไปซ์เกิร์ลเลือกการรีดน้ำหนักให้หุ่นผอมเพรียวด้วยการเล่นโยคะสัปดาห์ละ 2 - 3 วัน

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำระหว่างการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง การออกกำลังกายควรจะทำอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด การออกกำลังกายเองนั้นก็มีข้อห้ามบางประการที่คุณไม่ควรทำและควรหลีกเลี่ยง นอกจากไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังทำให้เกิดโทษด้วย มาดูกันว่าสิ่งใดที่คุณควรทำระหว่างออกกำลังกาย และอะไรที่ไม่ควรทำ

Do

อบอุ่นร่างกาย : เป็นการเตรียมพร้อมกล้ามเนื้อและกระตุ้นกล้ามเนื้อให้พร้อมทำงาน

ออกกำลังกายเป็นประจำและต่อเนื่อง : การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้ร่างกายฟิต และเข็งแรงอยู่ตลอดเวลา

สวมเสื้อผ้าและรองเท่าที่เหมาะสม : การเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าให้เหมาะสมกับประเภทการออกกำลังกายนั้น จะช่วยลดอุบัติเหตุการจากการออกกำลังกายได้

ปรึกษาแพทย์ประจำตัว : หากคุณมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการออกกำลังหรือเล่นกีฬา เพราะกีฬาบางประเภทไม่เหมาะกับโรคบางโรค

รับประทานอาหารหลังจากออกำลังกายแล้ว 30 นาที : เนื่องจากหลังจากออกกำลังกายระบบการเผาผลาญพลังงานยังทำงานต่อเนื่อง การรับประทานอาหารในช่วงนี้ร่างกายยังคงสามารถเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานไม่เกิดการสะสมของไขมัน

ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย : ทุกครั้งที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายแล้ว ควรจะวอร์มร่างกายแบบเบาๆ อีกครั้ง เพื่อลดการปวดกล้ามเนื้อ

Don’t

ไม่วอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย : เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย เช่วน ปวดเมื้อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อฉีกขาด

อย่าออกกำบลัลกายเมื่อสุขภาพร่างกายไม่พร้อม : โดยเฉพาะหากคุณเป็นหวัด ควรให้หายดีก่อนจึงค่อยออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไวรัสลงตับ

พกโทรศัพท์มือถือขณะออกกำลังกาย : ทำให้ไม่มีสมาธิในการออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้

ออกกำลังกายแค่ช่วงอาทิตย์แรก : การพผลักดันตนเองให้ออกกำลังกายแค่ช่วงอาทิตย์แรกนั้น ทำให้ไม่ได้รับประโยชน์ต่อร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ไม่สวมบราขณะออกกำลังกาย : การออกกำลังกายโดยไม่สวมเสื้อชั้นใน อาจทำให้หัวนมอักเสบและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

อย่าออกกำลังกายขณะท้องอิ่ม : ทำให้เกิดอาการจุกเสียดแน่นท้องและไม่เป็นผลดีต่อระบบอวัยวะในร่างกาย

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและผิวพรรณ

อาหารแต่ะละประเภทนั้นให้ประโยชน์แตกต่างกัน อาหารบางประเภทก็ให้โทษมากกว่าประโยชน์ อาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและผิวพรรณได้แก่

ไขมันสัตว์

ไขมันประเภทนี้นอกจากเป็นต้นเหตุทำให้น้ำหนักเพิ่มแล้ว ยังทำให้เกิดโรคหัวใจ คอเลสเตอรรอล และเซลลลูไลต์

Trans fatty acid / Hydrogenated vegetable oils

ไขมันอีกประเภทหนึ่งที่ได้มาจากไขมันพืช เป็นไขมันอิ่มตัว ซึ่งทำให้อ้วน และเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

อาหารผ่านการขัดสี

อาทิ แป้งขัดขาว น้ำตาลทรายขาว เป็นอาหารที่ขัดสารอาหารออกเหลือ ไว้แค่คาร์โบไฮเดรตที่ทำให้อ้วน และโรคเบาหวาน

อาหารผสมสารเคมี ปรุงแต่งสี ผงชูรส อาหารย่างไหม้

อาหารเหล่านี้เป็นนอกจากจะทำให้ผิวพรรณเสื่อมโทรมแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่าง ๆ อาทิ มะเร็ง

วิตามินสำหรับสุขภาพผู้หญิง

ผู้หญิงยิ่งเข้าวัยสาวยิ่งต้องดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคที่มาเยือนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะโรคที่เกิดกับผู้หญิงบ่อยๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคโลหิตจาง โรคมะเร็ง หรือแม้แต่โรคอัลไซเมอร์ วิธีที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงลดความเสี่ยงจากโรคเหล่านี้คือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกายเป็นประจำ และการรับประทานวิตามินเสริมก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ผู้หญิงมีสุขภาพแข็งแรงปลอดโรคภัย และผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส วิตามินที่ว่านี้ได้แก่

ซีลิเนียม

เป็นเกลือแร่ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ พบมากในข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ กระเทียม หอมหัวใหญ่ ช่วบบำรุงรักษาเซลล์สมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง

วิตามินซี

พบมากในผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดริ้วรอยก่อนวัย

วิตามินอี

ผู้หญิงเมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวพรรณมักจะขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้านและเป็นบ่อเกิดแห่งริ้วรอย วิตามินอีที่พบในผลอะโวคาโด น้ำมันนพืช น้ำมันจากปลาทะเลน้ำลึก จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวลดริ้วรอยแห่งวัยได้

แคลเซี่ยม

พบมากในนมวัว เนย โยเกริ์ต ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุนซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพสำหรับผู้หญิง

เหล็ก

แหล่งอาหารที่สำคัญได้แก่ ตับสัตว์ เนื้อแดง ไข่แดง หน่อไม้ฝรั่ง ช่วยผลิตเม็ดเลือดแดง บำรุงเลือดให้แก่สตรี

ใบโอติก

ช่วยป้องกันผมหลุดร่วง ป้องกันศีรษะล้าน บำรุงสุขภาพผิวพรรณและเส้นผม แหล่งอาหารพบมากในเครื่องใน ตับสัตว์ ถั่วและบริเวอร์ยีสต์

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กินดีสุขภาพแข็งแรง

อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชิวิตของมนุษย์ การกินอาหารดีมีประโยชน์ นอกจากทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ผิวพรรณอ่อนวัยและอายุยืนอีกด้วย

1.รับประทานอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ โดยเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ให้สมดุลกัน และรับประทานไขมันแต่น้อย แนวทางการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละวัน ได้แก่

1.1. เลือกรับประทานผักอย่างน้อย 3 - 4 ทัพพี และผลไม้ 2-3 ทัพพีต่อวัน

1.2. ดื่มนมพร่องมันเนยหรือรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมวันละ 2 ถ้วย

1.3. รับประทานอาหารจำพวกแฟ้งที่ไม่ผ่านการขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโอลวีต

1.4. เลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย สัตว์ปีก ไข่ ถั่ว อย่างน้อยอย่างละ 1 ถ้วย

1.5. รับประทานปลาสัปดาห์ 2 ครั้ง

2. รับประทานอาหารใกล้เคียงกับธรรมชาติ : หรืออาหารจากแหล่งธรรมชาติโดยตรง หลีกเลี่ยงอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ สารเคมี

3. ประกอบอาหารด้วยการอบ ย่าง นึ่ง ตุ๋น : ลดการใช้น้ำมัน มช่วยลดน้ำหนักและยังเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

4. รับประทานเกลือและน้ำตาลพอประมาณ : ไม่ควรรับประทานเกลือ 1 - 2 ช้อนชา และน้ำตาล 2 - 3 ช้อนชาต่อวัน การรับประทานอาหารเกลือมากเกินไป อาจทำให้เกิดความโลหิตสูง โรคไต ส่วนน้ำตาลที่มากเกินไปเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง

5. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันะ 6 8 แก้ว : น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เพื่อช่วยลำเลียงสารอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ และเป็นการกระตุ้นการเผาผลาญไขมันอีกด้วย