topbella

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเก็บรักษาน้ำหอม

น้ำหอมค่อนข้างมีราคาแพง แต่ก็นับว่าคุมค่ากับเงินที่จ่ายไป หากคุณเลือกน้ำหอมที่ถูกใจจริงๆ การเก็บรักษาน้ำหอมไม่ให้ระเหยเร็วและคงความหอมได้ยาวนานสามารถทำได้ดังนี้

เก็บน้ำหอมให้ห่างจากแสงแดดและความร้อน เพราะความร้อนจะทำให้น้ำหอมเปลี่ยนกลิ่น

เก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็น สามารถรักษากลิ่นและปริมาณน้ำหอมได้มากกว่าการเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ถึง 4 เท่า

หากมีความจำเป็นต้องเก็บไว้ข้างนอก ควรเก็บขวดน้ำหอมในกล่องทุกครั้งที่ใช้น้ำหอมควรปิดฝาให้สนิท

การเลือกซื้อน้ำหอม

เคล็ดลับการเลือกซื้อน้ำหอม ไม่ใช่คุณเดินไปซื้อน้ำหอมที่เคาน์เตอร์ ฉีดทดลองกลิ่นและจ่ายเงินเท่านั้น การซื้อน้ำหอมให้คุ้มค่าราคาเงินควรใช้หลักดังนี้

1 .เลือกซื้อน้ำหอมในช่วงกลางวัน เพราะจมูกจะรับกลิ่นได้ดีที่สุดในช่วงนี้

2 .อย่าเลือกซื้อน้ำหอมเพราะโฆษณาหรือเพราะดมน้ำหอมจากเพื่อน

3 .ทดลองกลิ่นน้ำหอมหลายๆ กลิ่นก่อนตัดสินใจซื้อ

4 . อย่าทดลองกลิ่นน้ำหอม 3 กลิ่นในคราวเดียวกัน อาจทำให้คุณสับสนกลิ่น

5 .ฉีดน้ำหอมที่ข้อมือปล่อยทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วจึงทดสอบกลิ่น หรือหากเป็นไปได้ลองเดินออกไปยังที่ที่มีอากาศถ่ายเท จะช่วยให้คุณได้กลิ่นที่แท้จริง

6 .ก่อนตัดสินใจควักเงินซื้อน้ำหอม ถามหาตัวอย่างก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้น้ำหอมที่พอใจจริงๆ

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประเภทเครื่องหอม

เครื่องหอมที่เรามักจะเรียกเหมารวมกันว่าน้ำหอมนั้น มีหลายประเภทและกลิ่นต่างกัน การทำความเข้าใจจะช่วยให้คุณใช้น้ำหอมได้ถูกต้อง

ครีมและบอดี้โลชั่น

สกัดจากหัวน้ำหอม 1 – 3 % มีกลิ่นอ่อน เหมาะสำหรับทาทั่วร่างกาย

โคโลญจน์

เป็นกลิ่นหอมที่ผสมกลับแอกอฮอล์ โดยใช้หัวน้ำหอมประมาณ 3 – 5 % เหมาะสำหรับฉีดตามร่างกาย แขน ขา

บอดี้ออยล์

สกัดจากหัวน้ำหอม 8 – 10 % ผสมกับน้ำมัน มีกลิ่นหอมติดทนทาน

โอเดอตัวแลตต์ ( Eau de Toilette )

สกัดมาจากหัวน้ำหอมประมาณ 8 – 15 % มีกลิ่นหอมติดทนกว่าโคโลญจน์ และมีกลิ่นอ่อนกว่าน้ำหอม ( Perfume )

โอเดอพาฟูม ( Eau de Parfum )

สกัดจากหัวน้ำหอม 15 – 20 % มีกลิ่นแรงกว่าโอเดอตัวแลตต์และติดหอมทนกว่า

เพอฟูม (Perfume)

สกัดจากหัวน้ำหอม 100 % ราคาค่อนข้างแพงแต่มีกลิ่นหอมติดทนนานที่สุดในบรรดาเครื่องหอมทั้งหมด

ดับกลิ่นเท้า

ปัญหากลิ่นเทาที่เกิดจากความอับชื้น สวมรองเท้าเป็นเวลานานหรือเกิดการติดเชื้อ จะทำให้เสียบุคลิกและความมั่นใจ ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้วถือว่าเป็นปัญหาหนักอกทีเดียว วิธีง่ายที่ช่วยดับกลิ่นเท้าทำได้ดังนี้

น้ำยาบ้วนปาก

ผสมน้ำยาบ้วนปากในน้ำอุ่นประมาณ 2 ลิตร แช่เท้าประมาณ 20 นาที เช็ดเท้าให้แห้ง

น้ำส้มสายชู

เทน้ำส้มสายชูประมาณ ½ ถ้วยลงในน้ำอุ่น 2 ลิตร แช่เท้าทิ้งไว้ ประมาณ 10 -15 นาที หรือจนกว่าน้ำในอ่างจะเย็นลง

โรสแมรี่ ไธม์

ใช้สมุนไพร เช่น ใบโรสแมรี่ ใบไธม์ หรือใบเสจ หรือสมุนไพรที่มีสารแอนตี้เซพติกช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย โดยการนำใบสมุนไพรเหล่านั้นอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะต้มในน้ำเดือด และปล่อยให้น้ำเดือดเย็นลง แล้วนำน้ำที่ได้มาแช่เท้าทิ้งไว้ 30 นาที ทำเป็นประจำเช้าเย็น ประมาณ 1 สัปดาห์ กลิ่นเท้าจะค่อยๆ ดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แก้ปัญหาเรื่องเล็บ

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเล็บมือ ไม่ว่าเล็บมีจุดด่างขาว เล็บหักเปราะง่าย เล็บฉีก เล็บสุขภาพไม่ดี และไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาเรื่องเล็บอย่างไร วิธีแก้ปัญหาเรื่องเล็บทำได้ได้ดังนี้

เล็บหักเปราะง่าย

ใช้ขึ้ผึ้งหรือมอยส์เจอไรเซอร์ผสมวิตามินอี 1 แคปซูล ทาบริเวณเล็บทุกวัน

จุดด่างขาวบนเล็บ

อาจเกิดจากการขาดแร่รังสี ควรเพิ่มอาหารที่มีสังกะสี เช่น ตับสัตว์ นม ไข่

เป็นต้น หรือจะรับประทานสังกะสีในรูปวิตามินเสริมก็ได้

เล็บเหลือง

เกิดจากการใช้น้ำยาทาเล็บมากเกินไป แก้ไขด้วยการใช้สำลี ซับน้ำมะนาวเช็ดที่บริเวณเล็บเหลืองทุกวัน จะช่วยให้เล็บกลับมาขาวดังเดิม

เล็บติดเชื้อรา

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่รักษาเชื้อราที่มีส่วนประกอบของ Benzalkonium chloride

เล็บฉีก

ตัดเล็บที่ฉีกนั้นให้เสมอกัน และทาด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือวิตามินอีทุกวัน จะช่วยให้เล็บไม่ฉีกขาดง่าย

สุขภาพเล็บอ่อนแอ

เล็บไม่แข็งแรง สีเล็บไม่เป็นสีชมพู ลองใช้วิธีนวดบริเวณเล็บมือ ทาครีมบำรุงมือและรับประทานอาหารที่บำรุงเล็บ ได้แก่ นม ตับสัตว์ ถั่ว ปลา ไข่ ผักใบเขียว ธัญพืช

ครีมบำรุงมือให้เนียนนุ่ม

วิธีการทำครีมบำรุงผิวมือจากพืชพันธุ์ธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี แถมประหยัดเงินในกระเป๋า ทำได้ดังนี้

สูตรน้ำมันมะพร้าวบำรุงผิวมือ

เตรียมน้ำมันมะพร้าว 5 ช้อนโต๊ะ น้ำมันอัลมอนด์ 5 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมเทลงในหม้ออุ่นให้พอร้อน เทใส่ภาชนะคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้คุณก็ได้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงมือจากธรรมชาติแล้ว

สูตรโลชั่นน้ำผึ้ง

อุ่นน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ในหม้อ จากนั้นเทใส่ภาชนะผสมกับน้ำสั้มสายชู ½ ช้อนชา กลีเซอรีน 4 ช้อนชา น้ำเปล่า 8 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันดี คุณก็จะได้โลชั่นน้ำผึ้งที่บำรุงมือให้นุ่ม

สูตรมะเขือเทศเพื่อผิวมือเนียนนุ่ม

มะเขือเทศคั้นเอาแต่น้ำ 1 ผล กลีเซอรีน 1 ช้อนชา และน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมส่วนประกอบให้เข้ากัน ใช้ได้ทุกครั้งเมื่อต้องการบำรุงผิวมือ

สูตรโลชั่นผลไม้รวม

ผสมน้ำมะนาว น้ำส้ม น้ำแอปเปิลไซเดอร์ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ แอลกอฮอล์ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้เชามะลิ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน ใช้ทุกครั้งหลังล้างมือ

เคล็ดลับที่ 57

โลชั่นบำรุงผิว

เคล็ดลับที่แล้วที่คุณได้เรียนรู้วิธีการทำครีมบำรุงผิวมือแล้ว ลองมาดูวิธีการบำรุงเล็บมือกันบ้าง

สูตรน้ำมันามะกอก

น้ำมันมะกอก 3 ช้อนชา น้ำแอปเปลไซเดอร์ 2 ช้อนชา ไข่แดง 1 ฟอง ตีส่วนส่วนผสมให้เข้า นำมาทาบริเวณเล็บมือและผิวหนังรอบเล็บ ช่วยให้เล็บแข็งแรง มีสุขภาพดี และป้องกันผิวหนับรอบเล็บลอก

สูตรน้ำมะนาวผสมไอโอดีน

ไอโอดีนขาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ให้เข้ากัน ใช้ทาเล็บมือได้บ่อยครั้งหรือจะทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก ช่วยให้เล็บแข็งแรงและป้องกันเล็บเปราะ

สูตรโปรตีนไข่บำรุงเล็บอย่างล้ำลึก

ไข่แดง 1 ฟอง เกลือ 3 ช้อนชา น้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนชา ตีส่วมผสมให้เช้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีการใช้คือนำมาทาบนเล็บ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้เล็บมือแข็งแรงเป็นเงางาม

เคล็ดลับที่ 58

สูตรบำรุงเท้าและเล็บเท้า

เท้าและเล็บเท้าเองก็ต้องการดูแลเช่นเดียวกันกับมือและเล็บมือ สาวๆ หลายคนอาจจะลืมดูแลอวัยวะส่วนนี้ไป วิธีการทำครีมบำรุงเท้าและเล็บเท้า มีดังนี้

สูตรสปาสมุนไพรบำรุงเท้า

ไธม์ตากแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ โรสแมรี่ตากแห้ง 4 ช้อนโต๊ะ ใบสะระแหน่ตากแห้ง 5 ช้อนโต๊ะ ต้มในน้ำร้อน ปล่อยทิ้งไว้ให้พออุ่น เทลงในอ่างแช่เท้า แช่เท้าประมาณ

15 – 20 นาที เช็คเท้าให้แห้ง

สูตรโยเกิร์ตเพื่อเท้าอ่อนนุ่ม

โยเกิร์ต 5 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันนำมาถูให้ทั่วเท้าและนิ้วเท้า ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

สูตรน้ำมันงาถนอมเท้า

น้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ 4 – 5 หยด นำน้ำมันที่ผสมแล้วมานวดให้ทั่วเท้ารวมทั้งเล็บเท้าด้วย

สูตรเปลือกกล้วยเพื่อส้นเท้าเนียนนุ่ม

อย่าทิ้งเปลือกกล้วยที่รับประทานแล้ว ใช้เปลือกกล้วยด้านในถูส้นเท้า เป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตก และส้นเท้าที่หยาบกร้านให้เนียนนุ่มยิ่งขึ้น

น้ำมะนาวช่วยให้เล็บแข็ง

น้ำมะนาวหรือแอปเปิ้ลไซเดอร์มีวิตามินซีสูง และวิตามินอื่นๆ ที่ช่วยให้เล็บมือ และเล็บเท้ามีสุขภาพแข็งแรง

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มหลัอาหาร 3 มือ จะช่วยให้เล็บที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น

ผสมน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์หรือน้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะลงในอ่างที่เตรียมน้ำเปล่าไว้แล้ว แช่มือหรือปช่เท้าลงในอ่างประมาณ 5 – 10 นาที จะช่วยให้เล็บมีสุขภาพดีและช่วยดับเกลิ่นเท้าได้ด้วย

ใช้เปลือกมะนาวขัดถูเล็บมือเป็นประจำ จะช่ยให้เล็บแข็งแรงและขาวใสขึ้น

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีใส่ใจเล็บให้แข็งแรง

วิธีการดูแลเล็บมือเล็บเท่า นอกจากทำความสะอดาดให้ดีแล้ว คุณควรตจะต้องดูแลให้เล็บมือและเล็บเท้ามีสุขภาพแข็งแรงด้วย วิธีดูแลเบ็บให้แข็งแรงทำได้ดังนี้

1.ทาครีมบำรุงมือทุกครั้งหลังจากล้างมือ ไม่เพียงแต่ทำให้มือนุ่มนวลเท่านั้นแต่ยังช่วยบำรุงมือเล็บด้วย

2.ใช่ยาทาเล็บและน้ำยาล้างเล็บที่ปลอดสาร Acetone

3.ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันอัลมอนด์นวบบริเวณเล็บมือและเล็บเท้าเพื่อให้เล็บแข็งแรงขึ้น

4.หลังอาบน้ำอย่าตะไปเล็บ เพราะเปราะบางและฉีกขาดได้ง่าย

5.ตัดเล็บมือเล็บเท้าทุกๆ 6 สัปดาห์

6.ออกกำลังกายให้กับนิ้วมือ นิ้วเท้า เพื่อให้เลือดไหลเวียนมาบำรุงบริเวณเล็บ

7.หากคุณต้องการปลูกต้นไม้ ขุดดิน ลองใช้สบู่ก้อนถูปลายเล็บมือให้สบู่เข้าไปอยู่ใต้เล็บ เพื่อป้องกันดินและสิ่งสกปรกฝังใต้เล็บ

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

5 ขั้นตอนการดูแลเท้าให้สุขภาพดี

เท้าเป็นอวัยวะที่รับน้ำหนักของร่างกายและยังบอกถึงสุขภาพร่างกายองมนุษย์ได้ การดูแลเท้าให้สะอาดและผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญซึ่งสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 :

เทน้ำอุ่นลงในอ่างแช่เท้า หยดน้ำมันลาเวนเดอร์ลงไป 2 – 3 หยด หรือ

แอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ หากคุณทาเล็กเท้าให้ล้างน้ำยาทาเล็บออก

ขั้นตอนที่ 2 :

แช่เท้าประมาณ 10 นาที เช็ดเท้าด้วยผ้าขนหนูสะอาด

ขั้นตอนที่ 3 :

ตัดเล็บเท้า แต่อย่าตัดจนสั้นเกินไป และตัดเล็บให้เรียบเสมอกัน

ขั้นตอนที่ 4 :

ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เท้าและเล็บ โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังรอบๆ เล็บเท้า

ขั้นตอนที่ 5 :

นวดให้ทั่วบริเวณเท้าประมาณ 5 – 10 นาที

ถนอมเท้าให้มีสุขภาพดี

เป็นที่รู้กันดีว่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทที่เชื่อมโยงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย การถนอมเท้าจึงเป็นเรื่องที่คุณทุกคนควรใส่ใจ โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ การถนอมรักษาเท้ามีเคล็ดลับง่ายๆ คือ

อย่าสวมรองเท้าส้นสูงนานกว่า 2 - 3 ชั่วโมง ต่อวัน เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดปัญหาเรื่องเท้า

เลือกขนาดรองเท้าที่เหมาะกับเท้า เลือกซื้อรองเท้าในช่วงกลางวันเพราะเท้าจะขยายตัวเต็มที่

ลดแบคทีเรียที่เท้าด้วยการใช้ถุงชาดำ 2 ถุง แช่ในน้ำเย็นครึ่งกะละมังเล็ก แช่เท้าประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อให้กรดแทนนิกรักษาความสมดุลระหว่างกรดและด่างที่เท้า

ไม่ควรสวมรองเท้าซ้ำกันเกิน 2 วันควรสลับจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าแตะบ้าง

ใช้หินขัดเท้าส้นเท้าและตาตุ่มเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว

ควรหาเวลานวดฝ่าเท้าเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณเท้า และอย่าลืมทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เท้าเพื่อบำรุงเท้าให้เนียนนุ่ม

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีถนอมมือและเล็บ

ผิวมือนั้นสามารถบ่งบอกอายุได้ วิธีที่จะช่วยให้ผิวมือเนียนนุ่มน่าสัมผัส เล็บแข็งแรง มีสุขภาพดี สามารทำด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

เกลือ ½ ช้อนชา ผสมกับน้ำมันมะกอก นำมาขัดให้ทั่วมือและเล็บล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดมือให้แห้ง ผิวมือจะอ่อนนุ่มและเล็บแข็งแรงขึ้น

สปาผิวมือด้วยน้ำอุ่น แช่มือในอ่างน้ำนมประมาณ 10 – 15 นาที ผิวมือคุณจะเนียนนุ่มเหมือนเด็กในทันที

นวดนิ้วมือและฝ่าเท้าด้วยครีมบำรุงน้ำนมผิวมือทุกวันหรือทามอยส์เจอไรเซอร์ให้แก่ผิวมือ

สวมถุงมือขณะล้างจานหรือทำสวน เพื่อป้องกันการหยาบกร้าน

ออกกำลังกายลดขนาดก้น

สาวที่มีปัญหาเรื่องก้นใหญ อาจทำให้คุณเป็นกังวลและไม่มั่นใจในรูปร่าง ลองออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ เพื่อช่วยทำก้นฟิตและลดขนาดลงดูน่ามองยิ่งขึ้น

1. นอนราบกับพื้น เข่าตั้งฉาก เท้าแยกห่างจากกันเล็กน้อย แขนแนบลำตัว

2. ค่อยๆ ยกก้นขึ้นจากพื้น โดยทิ้งน้ำหนักไปที่หัวไหล่และแผ่นหลังให้ฝ่าเท้าแนบชิดติดกับพื้น


3. ยกค้างไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยๆ ลดก้นลงสู่พื้น ทำเช่นนี้ประมาณ 20 ครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ออกกำลังกายลดสะโพก

คุณผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องสะโพกใหญ่ ไม่กระชับ วิธีบริหารสะโพกให้กระชับและมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น สามารถทำได้ดังนี้

บริหารสะโพกด้วยท่าแมวคลาน

1.ตั้งท่าคล้ายกับท่าแมวคลาน แขนแนบติดพี้น ข้อศอกตั้งฉากกับพื้นมองไปข้างหน้า


2.ยกขาข้างขวาเหยียดตรงไปด้านหลัง ค้างไว้สักนาที จากนั้นสลับทำกับขาข้างซ้าย

3.ทำซ้ำๆ เช่นนี้ประมาณ 15 – 20 ครั้ง

บริหารสะโพกด้วยเก้าอี้

1.เตรียมเก้าอี้ตัวเล็กๆ 1 ตัว ขนาดที่สามารถใช้เท้าเหยียบได้

2.วางเก้าอี้ตรงหน้า และยกเท้าข้างใด

ข้างหนึ่งเหยียบบนเก้าอี้ แล้วสลับทำกับขาอีกข้างหนึ่ง

3.ทำเช่นนี้เรื่อยๆ ประมาณ 30 นาที ท่านี้จะช่วย

ให้สะโพกและต้นขาแข็งแรงขึ้น